วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

๒) ภาพพจน์

๒) ภาพพจน์

๒.๑) การเปรียบเทียบเกินจริง คือ การกล่าวเกินจริง เพื่อให้ได้คุณค่าทางอารมณ์เป็นสำคัญในโครงบทที่ ๑๓๙ที่ว่า
                 เอียงอกเทออกอ้าง              อวดองค์  อรเอย
           เมรุชุบสมุทรดินลง                      เลขแต้ม
                   อากาศจักจารผดง               จารึก พอฤา
           โฉมแม่หยาดฟ้าแย้ม                   อยู่ร้อนฤาเห็น

    กวีใช้คำ เอียงอกเท แทนสิ่งที่อยู่ในใจ ใช้เขาพระสุเมรชุบน้ำและดินแทนปากกาเขียนข้อความในโอกาส ซึ่งล้วนเป็นลักษณะที่เกินความจริง
            ส่วนบทที่แสดงการคร่ำครวญถึงนางอันเป็นที่รัก ไม่มีบทใดหนักแน่นเท่ากับโครงบทที่ ๑๔๐ ที่ว่า
                         ตราบขุคิริข้น              ขาดสลาย แลแม่
                รักบ่หายตราบหาย               หกฟ้า
                สุริยจันทรขจาย                     จากโลก ไปฤา
              ไฟแล่นล้างสี่หล้า                     ห่อนล้างอาลัย

    โครงบทนี้เป็นตัวอย่างของการใช้กวีโวหารเปรียบเทียบที่โลดโผนอีกบทหนึ่งกวีใช้ภาพพจน์ชนิดอธิพจน์ ซึ่งเป็นการกล่าวเกินจริงเพื่อสร้างอารมณ์และความรู้สึก ในที่นี้เมื่ออ่านแล้ว นักเรียนจะเห็นโอกาสที่กวีจะสิ้นอาลัยนางมิอาจเป็นไปได้เลย เพราะกว่าที่ขุนเขา สวรรค์ทั้ง๖ชั้น ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์จะสูญสลายไปจากโลกนั้น คงนานแสนนานจนกำหนดนับมิได้และกว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์มาล้างโลกทั้ง ๔ นั้น ก็ต้องกินระยะเวลาอันยาวนานที่มิอาจนับได้เช่นกัน ดังนั้น โครงบทนี้จริงเป็นโครงปิดฉากการคร่ำครวญได้อย่างงดงาม โดยการให้ปฏิญญาที่มีน้ำหนักมากที่สุดแก่นางคือ กวีจะมิมีวันสิ้นรักและอาลัยนางนั้นเอง
                        ๒.๒) การใช้บุคคลวัต กวีใช้การสมมติสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์ให้มีกิริยาอาการความรู้สึกเหมือนมนุษย์
            จากมามาลิ่วล้ำ                              ลำบาง
  บางยี่เรือราพลาง                                      พี่พร้อง
  เรือแผงช่วยพานาง                                   เมียงม่าน มานา
  บางบ่รับคำคล้อง                                   คล่าวน้ำตาคลอ

               จะเห็นได้ว่ากวีใช้บางยี่เรือและเรือแผงให้มีกิริยาเหมือนมนุษย์ คือ ให้บางยี่เรือช่วยเอาเรือแผงไปรับนางมาแต่นางยี่เรือก็ไม่รับคำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น